Travel

Discover exciting destinations around the world that make language learning fun

ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

by
13 มิถุนายน 2016
ดูเพิ่มเติม

ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

เว็บไซต์ mbctime.com ได้เผยแพร่ข้อมูล ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก หรือ“20 Best Education Systems In The World” ประจำปี 2015/2016 โดยเกณฑ์ที่ใช้วิเคราะห์ระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ ได้รวบรวมงานวิจัยในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วโลกและนำเสนอผ่านดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม คะแนนในแต่ละประเทศก็จะได้มาจากอัตราการรู้หนังสือในผู้ใหญ่, การลงทะเบียนในระดับประถม, การลงทะเบียนในระดับมัธยม และค่าเฉลี่ยกลางของผู้หญิงที่ศึกษาในโรงเรียน

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ

อันดับที่ 20 : สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ค่อนข้างสูง เด็กสวิตจะต้องจบการศึกษาระดดับมัธยมตอนต้น จึงจะถือว่าจบการศึกษาภาคบังคับ ส่วนระดับอนุบาลนั้นไม่ถือว่าเป็นการศึกษาภาคบังคับ จะเข้าเรียนอนุบาลก่อนหรือไม่ก็ได้ กล่าวกันว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นต้นกำเนิดของวิชาการโรงแรม จึงทำให้สาขานี้มีนักเรียนไทยให้ความสนใจไปเรียนต่อมากที่สุดนั่นเอง

 

อันดับที่ 19 : สาธารณรัฐเช็ก (czech republic)

แม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางยุโรป แต่สาธารณรัฐเช็กก็เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เรียนฟรีสำหรับการศึกษาภาคบังคับไปจนถึงอายุ 15 ปี หลักการเรียนรู้เน้นความเข้าใจของผู้เรียนเป็นหลักซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนชาวเช็ก ระบบการศึกษาของประเทศมีทั้งสิ้น 5 หน่วยงาน คือ โรงเรียนอนุบาล, ประถมศึกษา, มัธยมศึกษา, วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย

 

อันดับที่ 18 : เบลเยี่ยม (Belgium)

เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก เน้นในเรื่องของมาตรฐานการศึกษา และพยายามเปิดโอกาสให้ประชาชนในประเทศทุกคนมีสิทธิทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน จึงไม่มีการสอบเข้า และไม่เก็บค่าเล่าเรียนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมไปถึงความหลากหลายของทุนการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย ระบบการเรียนการสอนจึงมีความแตกต่างตามภูมิภาคทั้งภาษาดัตช์ เยอรมัน และฝรั่งเศส

 

อันดับที่ 17 : อิสราเอล (Israel)

อิสราเอลถือว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ค่อนข้างสูงประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะในด้านของการศึกษา ในทัศนะคติของคนอิสราเอลจะถือว่าการศึกษาถือเป็น “มรดกที่ล้ำค่า” การศึกษาภาคบังคับทั้งหมด 12 ปี (ตั้งแต่อายุ 5-16 ปี) และรัฐได้จัดการศึกษาฟรีจนถึงอายุ 18 ปี โดยการศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศจะใช้เป็นภาษาฮินดีและภาษาอาหรับเป็นหลัก

 

อันดับที่ 16 : นิวซีแลนด์ (New Zealand)

ในปี 2014-15 รัฐบาลของประเทศนิวซีแลนด์ได้ทุ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาในด้านการศึกษากว่า 13,183 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศนิวซีแลนด์ถึงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีระบบการศึกษาที่ดีและมีมาตรฐาน ผลการสอบ PISA ในด้านการอ่านและวิทยาศาสตร์ อยู่ในอันดับ 7 ในขณะที่คณิตศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 13 จากประเทศสมาชิกทั้งหมด 34 ประเทศ

 

อันดับที่ 15 : ออสเตรเลีย (Australia)

ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก
ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้ในระบบการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย และยังมีสถิติด้านการศึกษาที่น่าสนใจอีกคือ ประชากรชาวออสเตรเลียมีอัตราการรู้หนังสือเบื้องต้นในระดับประถมเกือบ 2 ล้านคน รวมแล้วมีอัตราการรู้หนังสือถึง 99% และการประเมินการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย PISA ในส่วนของวิชาการอ่าน, วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อยู่ในอันดับที่ 6, 7 และ 9 ตามลำดับ ประเทศออสเตรเลียยังเป็นประเทศยอดนิยมสำหรับนักศึกษาไทยที่นิยมไปเรียนต่อมากที่สุดอีกด้วย

 

อันดับที่ 14 : สหรัฐอเมริกา (USA)

ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก
ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

การศึกษาภาคบังคับนักเรียนอเมริกันทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจนกระทั่งถึงเกรด 12 หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย บรรยากาศการศึกษาในห้องเรียนของชาวอเมริกันนั้น นักศึกษาจะต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โต้เถียงเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง มีส่วนร่วมในการสนทนา และนำเสนองานของตน ซึ่งนักศึกษาชาวต่างชาติส่วนใหญ่เห็นว่าบรรยากาศภายในห้องเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าตื่นใจที่สุดของระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา

 

อันดับที่ 13 : รัสเซีย (Russia)

รัสเซียเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ชาวรัสเซียส่วนมากจะสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคน และยังเป็นนักอ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก มีการศึกษาหาความรู้กันอย่างจริงจัง ทำให้อัตราการรู้หนังสือของประชากรประเทศรัสเซียคิดเป็น 100% เต็ม อีกทั้งมีวิชาการ ความรู้และเทคโนโลยีเป็นของตนเองมาเป็นเวลานาน รวมถึงค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษาก็นับว่าไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย

 

อันดับที่ 12 : เยอรมนี (Germany)

เยอรมันเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่ม OECD ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็ก ๆ อยู่ในระดับสูงทั้งในระดับมัธยมศึกษา และในระดับอุดมศึกษา โดยการศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 6-18 ปี โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนรัฐบาล เรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมัน หันมาพัฒนาการศึกษา และการวิจัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรวมประเทศ มีมหาวิทยาลัยเกือบ 120 แห่ง

 

อันดับที่ 11 : เดนมาร์ก (Denmark)

ประเทศเดนมาร์ก กฎหมายบังคับการศึกษาแต่ไม่บังคับการไปโรงเรียน เด็กทุกคนจะต้องไปเรียนเมื่อมีอายุครบ 7 ปี การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ไม่รวมชั้นเด็กเล็ก ระบบการศึกษาของเดนมาร์กจะให้ความสำคัญกับการแนะแนวมาก เพื่อให้เด็กทุกคนพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะกับศักยภาพของตนเอง และเด็ก ๆ ยังสามารถเลือกการศึกษาและโรงเรียนของตนได้อีกด้วย

 

อันดับที่ 10 : โปแลนด์ (Poland)

ประเทศโปแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก และสาขาวิชาที่ขึ้นชื่อคือ “สาขาแพทย์” ที่ได้รับการรับรองจากแพทย์สภา และเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในเครือข่าย European Union เพื่อแลกเปลี่ยนด้านอื่นๆ รวมทั้งการศึกษา ในปัจจุบันประเทศโรมาเนีย, เบลเยี่ยม, ฟินแลนด์, กรีซ, อิตาลี, สเปน, โปตุเกส และโปแลนด์ จะรับนักศึกษาโดยพิจารณาจาก GPA ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ Biology, Chemistry ,Physic เป็นตัววัดการได้เข้าศึกษาถึง 90 % และ อีก 10 % คือคุณสมบัติพิเศษเช่นภาษาอังกฤษ

 

อันดับที่ 9 : ไอร์แลนด์ (Ireland)

ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยมอันดับต้น ๆ ของโลก โดยรัฐบาลไอร์แลนด์มุ่งมั่นจะสร้างประเทศให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้นิยมมาเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุด โดยในแต่ละปีจะมีจำนวนนักเรียนประมาณ 200,000 คน ที่มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยมีหน่วยงานของรัฐบาลไอร์แลนด์รับรองคุณภาพทางการศึกษา

 

อันดับที่ 8 : เนเธอแลนด์ (Netherlands)

ระบบการศึกษาของประเทศเนเธอร์แลนด์แตกต่างจากที่อื่น เพราะที่นี่จะให้อิสระโรงเรียนในการจัดการศึกษาอย่างเต็มที่ รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการบริหารจัดการ หรือวิธีการสอนของครูแต่อย่างใด ระบบการศึกษาของเนเธอร์แลนด์ออกเป็น 3 ระดับ ระดับแรกคือการศึกษาขั้นประถม (Basisonderwijs) ระดับที่ 2 คือ การศึกษาขั้นมัธยม (Voortgezet Onderwijs) และระดับที่ 3 คือขั้นอุดมศึกษา

 

อันดับที่ 7 : แคนาดา (Canada)

อังกฤษและแคนาดา ทั้งสองประเทศถูกจัดว่านักเรียนระดับประถมศึกษาเป็นหนอนหนังสือมากที่สุดในโลก อัตราการอ่านออกเขียนได้ไม่น้อยกว่า 99% ระบบการเรียนของแคนาดา จะอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัดและมณฑล โดยจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ยกเว้นในควิเบก (Quebec) ซึ่งจะมีระบบการศึกษาที่แตกต่างออกไป ประกอบด้วยระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา วิทยาลัยทั่วไปและวิทยาลัยอาชีพ (CEGEP) นอกจากนี้ประเทศแคนาดายังเป็นประเทศที่มีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีติดอันดับโลกอีกด้วย

 

อันดับที่ 6 : ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก (United Kingdom)

ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก
ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

การศึกษาภาคบังคับของสหราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่อายุ 5 ปี ไปจนถึง 16 ปี โรงเรียนมีทั้งประเภท โรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน เด็กนักเรียนประมาณ 95% จะเรียนในโรงเรียนรัฐบาล การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยปัจจุบันมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรมีประมาณ 96 แห่ง เป็นของรัฐบาลเกือบทั้งหมด ยกเว้น University of Buckingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียวการศึกษาระดับอุดมศึกษา

 

อันดับที่ 5 : ฟินแลนด์ (Finland)

โรงเรียนในประเทศฟินแลนด์ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีการสอบเข้าสถานศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมทางการศึกษา ไม่มีการจัดอันดับสถานศึกษา ไม่มีหน่วยงานคอยควบคุมวัดระดับเพื่อประเมินผล การศึกษาภาคบังคับเริ่มต้นเมื่อเด็กอายุ 7 ปี ไม่เน้นการเรียนอนุบาลแต่จะเน้นให้อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด ระดับประถมจะใช้เวลาเรียนน้อยและให้เด็กได้ทำในสิ่งที่สนใจมากกว่า ที่สำคัญจะไม่เน้นเรื่องการแข่งขันจึงไม่มีเกรดเฉลี่ย

 

อันดับที่ 4 : ฮ่องกง (Hong Kong)

หลังจากฮ่องกงได้ทำการปฏิรูปการศึกษายกเลิกระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมของอังกฤษทั้งหมด ก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม จนสามารถติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก ขยายการศึกษาภาคบังคับจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ขยายเวลาเรียนจบในระดับปริญญาตรีจาก 3 ปี เป็น 4 ปี ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนกวางตุ้งเป็นภาษาหลักในตำราเรียน อัตราการรู้หนังสืออยู่ที่ 94.6% โดยในปีที่ผ่านมาฮ่องกงได้ทุ่มงบประมาณในด้านการศึกษาสูงถึง $39,420 ต่อหัวเลยทีเดียว

 

อันดับที่ 3 : สิงคโปร์ (Singapore)

สิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยมติดอยู่ใน Top 3 ของโลกเรื่อยมา ทุกโรงเรียนจะถูกควบคุมด้วยกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง แบ่งเป็นชั้นประถม 6 ปี และมัธยม 4 ปี ต่อจากนั้นก็จะเป็นการศึกษาที่สูงขึ้น เช่น โปลีเทคนิค จูเนียร์คอลเลจ และมหาวิทยาลัย การเรียนการสอนในประเทศสิงค์โปร์นี้จะเน้นความง่าย เรียนจากความเป็นจริง และสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ 4 ด้านคือ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา

 

อันดับที่ 2 : ญี่ปุ่น (Japan)

ความสำเร็จทางการศึกษาของญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ในการสอบวัดความรู้ด้านคณิตศาสตร์นานาชาติ เด็กญี่ปุ่นถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆมาโดยตลอด ระบบนี้เป็นผลมาจากการสมัครเข้าเรียนสูง ตลอดจนอัตราการรับ ระบบการสอบเข้า (การสอบเอนทรานซ์) โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อการศึกษาทั้งระบบเป็นอย่างมาก ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และเป็นสังคมที่มีระเบียบวินัย การศึกษาเป็นสิ่งที่น่าเคารพยกย่อง และความสำเร็จเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในงานและในสังคม

 

อันดับที่ 1 : เกาหลีใต้ (South Korea)

ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีแข่งขันกันอย่างสูสีว่าใครจะครองอันดับ 1 สำหรับประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก ประเทศเกาหลีทุ่มงบประมาณการศึกษาในปีที่ผ่านมา $11,300,000,000 มีอัตราการรู้หนังสือทั้งสิ้น 97.9% เพศชาย 99.2% และเพศหญิง 96.6% จะเห็นได้ว่านักเรียน-นักศึกษาประเทศเกาหลีจะเรียนหนักมาก ตารางเรียนแน่นเอียดทุกวัน ระบบการศึกษาของเกาหลีใต้เป็นระบบ 6 – 3 – 3 – 4 คือ ชั้นประถมศึกษา 6 ปี มัธยมศึกษาตอนต้น 3ปี มัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี และวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย 4 ปี

ข้อมูลจาก: Life on campus

Tags

Share this article